มีความเข้าใจในศาสตร์ด้านการเสริมความงาม โดดเด่นด้วยโปรแกรมยกกระชับ
ไม่ว่าวัยไหนหรือเพศใด ก็ล้วนต้องการมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ หมดความกังวลเรื่องหน้าหย่อนคล้อย แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกายจะลดลง ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก หรือแม้แต่ปัญหาหน้าย้อย จนหลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจ เรามาดูไปพร้อม ๆ กันว่าปัญหาหน้าไม่กระชับ หย่อนคล้อย แก้อย่างไรให้กลับมาเต่งตึง เรียบเนียนได้บ้าง?
สารบัญบทความ
- หน้าหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร
- สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังมีอายุมากขึ้น
- ผิวหย่อนคล้อย แต่ละช่วงวัย เป็นอย่างไร? แตกต่างกันหรือเปล่า?
- วิธีแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย คืนความกระชับ ให้กลับมามั่นใจอีกครั้ง
- เคล็ดลับป้องกันหน้าหย่อนคล้อย หน้าไม่แก่ ชะลอความหย่อนคล้อยของผิว
- สรุปหน้าหย่อนคล้อย แก้ได้ไหม? คืนความมั่นใจให้ผิวกระชับเรียบเนียน
หน้าหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร
ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยหรือผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ อาจจะสร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน แต่เคยสงสัยหรือไม่ หน้าหย่อนคล้อยเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่? ความจริงแล้ว การหย่อนคล้อยของผิวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ผิวชั้นนอก แต่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังทั้ง 3 ชั้น ดังต่อไปนี้
1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ผิวในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) จะผลิตไขมันได้น้อยลง และผลัดเซลล์ผิวช้ากว่าเดิม ทำให้ผิวหน้าแห้งกร้านและอ่อนแอ เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ หรือฝุ่นละออง จึงทำให้หย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยบนผิวได้ง่ายขึ้น
2. ชั้นหนังแท้ (Dermis)
ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง เพราะประกอบด้วยเส้นใยอิลาสติน (Elastic Fiber) และคอลลาเจนจำนวนมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การผลิตเซลล์ผิวในชั้นผิวนี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เส้นใยเหล่านี้เสื่อมสภาพลง ส่งผลให้เกิดความหย่อนคล้อยและหน้าไม่กระชับในที่สุด
3. ชั้นไขมัน (Fat)
ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Fat) มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน อิ่มฟู และทำให้ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือร่องริมฝีปากแลดูจางลง เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเซลล์ไขมันจะลดลง ทำให้เกิดการยุบตัวของสัดส่วนใบหน้า เกิดปัญหาหย่อนคล้อย หน้าย้วย และเกิดริ้วรอยบนผิวหน้านั่นเอง
สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังมีอายุมากขึ้น
เมื่อเริ่มมีอายุ ผิวหน้าของเราจะแสดงสัญญาณบางอย่างออกมาให้เห็น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาความหย่อนคล้อย ยับย่น ผิวย้วยด้วยเช่นกัน โดยสัญญาณเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกว่าหน้าหย่อนคล้อยกำลังเกิดขึ้นและต้องการการดูแล ได้แก่
1. ความยืดหยุ่นของผิวลดลง
หนึ่งในสัญญาณแรก ๆ คือ ผิวหน้าเริ่มรู้สึกไม่เต่งตึงเหมือนเดิม เมื่อบีบหรือดึงผิว ผิวจะคืนตัวช้าลง แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยได้ง่ายขึ้น
2. ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
ผิวที่มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลามักจะผลิตน้ำมันตามธรรมชาติน้อยลง ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และความสามารถในการกักเก็บน้ำลดลง ส่งผลให้หน้าหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าเดิม
3. ริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นตามอายุ
ริ้วรอยที่ชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก และร่องแก้ม เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวกำลังสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้หน้าหย่อนคล้อย มีปัญหาหน้าไม่กระชับอย่างเห็นได้ชัด
4. การสูญเสียวอลุ่มของเซลล์ผิว
เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวจะลดลง ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ใบหน้าดูซูบตอบ ขาดความอิ่มเอิบ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าย้อย หย่อนคล้อยจนดูมีอายุ
5. การสูญเสียความหนาแน่นของเซลล์ผิว
นอกจากปริมาณไขมันที่ลดลงแล้ว ความหนาแน่นของเซลล์ผิวโดยรวมก็ลดลงเช่นกัน ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ขาดความแข็งแรง ไม่กระชับ หน้าตอบลง จนดูหย่อนคล้อยมากยิ่งกว่าเดิมด้วย
6. สีผิวไม่สม่ำเสมอและจุดด่างดำ
การผลิตเม็ดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และสีผิวเรียบเนียน ซึ่งเป็นผลจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดและอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหน้าขาดความยืดหยุ่น ไม่แข็งแรง หย่อนคล้อย
7. รูขุมขนกว้างขึ้น
รูขุมขนที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดบนผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (T-Zone) อาจเป็นสัญญาณของการผลิตน้ำมันของต่อมน้ำมันมากเกินไป ประกอบกับการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนจนดูหย่อนคล้อย
8. การผลัดเซลล์ผิวช้าลง
กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติจะช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วสะสมอยู่บนผิวหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และอาจทำให้รู้สึกว่าผิวมีความหย่อนคล้อย
ผิวหย่อนคล้อย แต่ละช่วงวัย เป็นอย่างไร? แตกต่างกันหรือเปล่า?
ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ ปัญหาความหย่อนคล้อยก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น โดยลักษณะของผิวที่มีความหย่อนคล้อยที่พบในแต่ละช่วงวัยก็จะแตกต่างกันไป ดังนี้
- ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป – ผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในช่วงวัยนี้ ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยจะ เริ่มต้นที่ชั้นหนังแท้ เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มหายไปมากขึ้น ในขณะที่การสร้างใหม่ลดลง ทำให้เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อยจนหน้าหย่อนคล้อย
- ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป – ริ้วรอยเริ่มชัด ผิวไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยในชั้นหนังแท้ยิ่งรุนแรงขึ้น การสลายตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ การผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าก็ช้าลง ทำให้ผิวหน้าดูหยาบกร้าน และริ้วรอยจะสังเกตได้จนทำให้หน้าย้อยชัดเจนยิ่งขึ้น
- ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป – ผิวเริ่มหย่อนคล้อย หน้าดูไม่กระชับ ชั้นผิวโดยรวมจะอ่อนแอลงอย่างมาก การคงตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินลดน้อยลง ปัญหาลึกลงไปถึงชั้นไขมัน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป – ผิวแห้ง ริ้วรอยชัด ใบหน้าดูเปลี่ยนไป หน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยมองเห็นชัดเจน รูปหน้าอาจดูไม่สมส่วน และบริเวณคอเริ่มเหี่ยวย่น บ่งบอกว่าผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับรุนแรงขึ้น
- ช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป – ผิวบางลง เหี่ยวย่นและขาดความกระชับทั่วใบหน้าและลำคอ ผิวหนังบริเวณใบหน้าจะขาดไขมันมาช่วยพยุง ทำให้หน้าหย่อนคล้อย ดูตอบและบุ๋ม หน้าย้อย ลำคอดูเหี่ยวย่น เป็นช่วงที่ผิวหน้าสูญเสียความกระชับอย่างรุนแรง
วิธีแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย คืนความกระชับ ให้กลับมามั่นใจอีกครั้ง
เชื่อว่าหลายคนคงพยายามหาวิธีทำให้หน้าตึง เพื่อแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยด้วยตัวเองมาแล้วสารพัดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงผิวหน้า รวมถึงการปรับไลฟ์สไตล์ด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือแม้แต่การลดความเครียด แต่บางครั้งปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับก็ยังคงอยู่ หากกำลังสงสัยว่าหน้าหย่อนคล้อย แก้ยังไงดี นอกจากวิธีดูแลตัวเองแล้ว ยังมีวิธีลดเหนียง ลดหน้าย้อยทางการแพทย์ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยยกกระชับหน้าหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1. HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงยิงลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับหน้าหย่อนคล้อยโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งมีหลายรุ่นที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- โปรแกรม Ultraformer III เป็นเครื่อง HIFU ที่ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ช่วยยกกระชับหน้าหย่อนคล้อย ลดไขมันสะสม และกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ภายใน 1-3 เดือนหลังทำ
- โปรแกรม Ultraformer MPT เป็นรุ่นใหม่กว่า Ultraformer III ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Micro-Pulsed Technology ช่วยให้การส่งพลังงานมีความแม่นยำและเจ็บน้อยลง สามารถแก้ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยเรื่องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 2-3 เดือน
- โปรแกรม Ulthera SPT พัฒนามาจาก Ulthera ดั้งเดิม เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี HIFU ยอดนิยมที่เน้นการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ หลังทำ Ulthera SPT จะทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หน้าหย่อนคล้อยจะดูยกกระชับขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
2. RF (Radiofrequency) เพิ่มความกระชับ ลดปัญหาหย่อนคล้อย
RF คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุในการส่งความร้อนลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเก่าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวที่มีความหย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึงและกระชับขึ้น โดยเครื่องที่นิยมใช้มีดังนี้
- โปรแกรม Volnewmer เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF) ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Monopolar RF ช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นและแน่นกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหาวิธีทำให้หน้าตึงโดยไม่ต้องผ่าตัด โดย Volnewmer จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ภายใน 1 เดือนหลังทำ
- โปรแกรม Morpheus8 เป็น Fractional RF Microneedling โดยใช้เข็มขนาดเล็กส่งพลังงาน RF ลงสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน จัดการปัญหาความหย่อนคล้อย ผิวยับย่น รูขุมขนกว้าง รวมถึงรอยแผลเป็นจากสิว ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 3 เดือนหลังทำ Morpheus8
เคล็ดลับป้องกันหน้าหย่อนคล้อย หน้าไม่แก่ ชะลอความหย่อนคล้อยของผิว
นอกจากการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยด้วยวิธีลดแก้ม ลดเหนียง ลดไขมันแบบต่าง ๆ แล้ว การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยป้องกัน และชะลอปัญหาความหย่อนคล้อยได้ มาดูเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยไม่ให้ผิวย้วย ดังนี้
3. ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ
โดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดดแรงหรืออยู่ในที่ร่ม กันแดดจะช่วยปกป้องการเกิดผิวหนังหย่อนคล้อยจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุหลักของการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินความเครียดและงดสูบบุหรี่จะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดียิ่งขึ้น
4. บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
เพราะผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้เกิดริ้วรอยและหน้าหย่อนคล้อยได้ง่ายกว่า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค หรือมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
5. ทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ
การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ รวมถึงการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน จะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยลดปัญหาความหย่อนคล้อยได้ดี
6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อผิวหน้าโดยตรง ทำให้ผิวผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่ ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
7. หลีกเลี่ยงความเครียดและการสูบบุหรี่
เนื่องจากความเครียดและการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควร ทั้งสองสิ่งนี้จะไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้หน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การลดความเครียดและงดสูบบุหรี่จะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดียิ่งขึ้น
แก้หน้าหย่อนคล้อย คืนความมั่นใจให้ผิวกระชับเรียบเนียน
ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ในปัจจุบันมีวิธีแก้ไขที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย หากยังไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยอย่างไรให้เห็นผลชัดเจน สามารถเข้ามารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการของ Ren Clinic ได้เลย แพทย์ของเราได้รับเชิญเป็น Speaker บรรยายพิเศษของ Paragon Care เพื่อให้ความรู้และอธิบายเกี่ยวกับ เทคนิคการทำ Face Lifting โดยเฉพาะ เพื่อทำการประเมินสภาพผิวของคุณอย่างละเอียด และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาความหย่อนคล้อยของคุณได้อย่างแม่นยำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางด้านล่างนี้
- Instagram: renclinic.th
- Facebook : Ren Clinic / Ren Clinic Phuket
- TikTok : Renclinic / Renclinic.official
- Line Official : @renclinic
- พิกัด Ren Clinic ทั้ง 3 สาขา
- Ren Clinic สาขาพร้อมพงษ์ โทร: 0815414497
9 นาทีจาก BTS พร้อมพงษ์ (หลังห้าง Emquartier) มีที่จอดรถ 31/9 ซ. สุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 https://maps.app.goo.gl/Mt8gZW79Fsc9cD347 - Ren Clinic สาขาราชพฤกษ์ โทร: 0944145929
อยู่ในโครงการอยู่เย็นการ์เด้น มีที่จอดรถในโครงการ
96, 7 ถ. ราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170 https://maps.app.goo.gl/XeNpQVA8Yc1ZuFwb9 - Ren Clinic สาขาภูเก็ต โทร: 0854199797
อยู่ถนนโกมารภัจจ์ ใกล้โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
9 ถนนโกมารภัจจ์ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000
https://maps.app.goo.gl/ZEXm67DdxLJ76meq7
- Ren Clinic สาขาพร้อมพงษ์ โทร: 0815414497
อ้างอิง
Whelan, C. (2019, December 19). Why Do I Have Saggy Skin, and What Can I Do About It?. Healthline. https://www.healthline.com/health/skin/saggy-skin
Sagging skin. (n.d.). Skin Institute. https://www.skininstitute.co.nz/concern/sagging-skin/
Troughton, R. (2021, April 13). What can people do to firm up saggy skin?. Medical News Today. https://www.medicalnewstoday.com/articles/saggy-skin#summary
Face-lift. (2022, August 4). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/face-lift/about/pac-20394059